น้ำมันมะพร้าวกับโรคเบาหวาน
น้ำมันมะพร้าวช่วยแก้ปัญหาโรคเบาหวานได้อย่างไร ?
เซลล์
ทุกเซลล์ในร่างกายของเรา ต้องการน้ำตาลตลอดเวลา
เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการเมตาบอลิสซึม
เพื่อสร้างพลังงานในการดำรงชีวิต และซ่อมแซมส่วนสึกหรอ
หากไม่ได้น้ำตาลอย่างเพียงพอเซลล์จะตาย และส่งผลให้เกิดโรคต่างๆได้
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันชนิดเดียวในโลกที่สามารถแก้ปัญหาของโรคเบาหวานได้
โดยทำหน้าที่ต่อไปนี้
เป็นอาหารให้แก่เซลล์
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ แม้ว่ากระแสเลือดจะมีน้ำตาลมาก แต่หากขาดอินซูลิน เซลล์ก็ไม่ได้น้ำตาล
น้ำตาลกลูโคส (Glucose)
(ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ร่างกายใช้หล่อเลี้ยงเซลล์) และกรดไขมันขนาดยาว
(Long-chain fatty acids – LCFAs, C18 – 24) มีปัญหาเหมือนกันอยู่อันหนึ่ง
นั่นคือไม่สามารถเข้าไปในเซลล์ได้ด้วยตนเอง เพราะมีโมเลกุลขนาดใหญ่
จำต้องมีอินซูลินเป็นตัวพาเข้า แต่น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดไขมันขนาดกลาง
(Medium-chain fatty acids – MCFAs, C 6-12) ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก
จึงเข้าไปในเซลล์ได้โดยไม่ต้องมีอินซูลินเป็นตัวพาเข้า
อีกทั้งน้ำมันมะพร้าวยังสามารถใช้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ได้
ส่งผลให้เซลล์มีอาหารโดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน
ดังนั้นไม่ว่าร่างกายจะสร้างอินซูลินได้ไม่พอหรือเซลล์ไม่ตอบสนองต่อ
อินซูลินก็ไม่เป็นปัญหา
เมื่อเข้าไปในเซลล์ได้แล้ว MCFAs จะรวมตัวกับคารนิทีน (carnitine)
ในเซลล์เพื่อนำกรดไขมันผ่านเยื่อบุสองชั้นของไมโตคอนเดรีย (mitochondria)
ซึ่งทำหน้าที่เป็นเตาเผาเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดพลังงาน
ดังนั้นเซลล์จึงมีอาหารอย่างเพียงพอเพียง ทำให้เนื้อเยื่อต่างๆมีสุขภาพดี
และเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ช่วยให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงเสื่อม
สรุปได้ว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ระบบไหลเวียนและสุขภาพของหัวใจของผู้ป่วยเบา
หวานดีขึ้น
ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่มีอยู่แต่เดิม
น้ำมันมะพร้าวไม่ใช่ตัวการไปทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและตีบตัน
แท้ที่จริงแล้วมันช่วยเปิดหลอดเลือดให้กว้างขึ้นด้วยเสียซ้ำ
นอกจากนั้นการที่เซลล์ไม่ได้รับอาหาร ทำให้ระบบประสาทถูกทำลาย (neuropathy)
ไม่มีความรู้สึก จนแขนขาชา แต่เซลล์สามารถใช่น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารได้
ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาการแขนขาชา
จะหลับมามีความรู้สึกอีกครั้งได้หลังจากบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพียงไม่กี่
สัปดาห์
ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นยาวิเศษชนิดเดียวที่แก้โรคระบบประสาทถูกทำลาย
ได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ
ผลอันหนึ่งของการเป็นโรคเบาหวานคือการขาดพลังงาน
ทั้งนี้เพราะเซลล์ไม่ได้รับน้ำตาลอย่างพอเพียง
เมื่อปราศจากน้ำตาลที่จะให้พลังงานแก่กิจกรรมของเซลล์ เมตาบอลิสซึมก็ช้าลง
เป็นผลให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน เซื่องซึม
แต่น้ำมันมะพร้าวช่วยให้เซลล์ได้รับพลังงานอย่างพอเพียง
จึงทำให้ผู้ป่วยเบาหวานกลับมามีพลังขึ้น
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรใช้ในขณะที่ผู้ป่วยมีอาการคีโตซีส (ketosis)
เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างและตอบสนองต่ออินซูลิน
นอกจากจะทำให้เซลล์ได้รับอาหารอย่างเพียงพอแล้ว
น้ำมันมะพร้าวยังแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อนในการสร้างอินซูลิน
ทำให้ร่ากายมีอินซูลินอย่างเพียงพอสำหรับเบาหวานชนิดที่ 1
และเซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ทำให้ไม่ต้องใช้อินซูลินมากกว่าปกติ
(สำหรับเบาหวานชนิดที่ 2) ทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวทำหน้าที่ต่อไปนี้
- ช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิสซึม
ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะถูกแนะนำให้ออกกำลังกายเป็นประจำ
เพื่อช่วยควบคุมปริมาณของน้ำตาลในเลือด
ทั้งนี้เพราะการออกกำลังกายไปช่วยเพิ่มอัตราเมตาบอลิสซึมที่ส่งผลให้เพิ่ม
การผลิตอินซูลินและการดูดน้ำตาลเข้าไปในเซลล์ เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า
น้ำมันมะพร้าวสามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมธัยรอยด์
จึงช่วยเพิ่มอัตราเมตาบอลิสซึม ส่งผลให้มีการเพิ่มการผลิตอินซูลิน
และการดูดซึมน้ำตาลเข้าไปในเซลล์
ด้วยเหตุนี้น้ำมันมะพร้าวจึงช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องพึ่งสารอินซูลินในการ
รักษาโรคเบาหวาน น้ำมันมะพร้าวจึงช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานไปได้อีกทางหนึ่ง
- ช่วยให้ตับอ่อน กลับมาสร้างอินซูลินได้อีกครั้ง
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวสามารถทดแทนอาหารของเซลล์ได้โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน
ทำให้ความต้องการเอนไซม์ที่ใช้ในการผลิตอินซูลินในตับอ่อนลดลง
จึงช่วยลดความเครียดให้แก่ตับอ่อนในขณะรับประทานอาหาร
ซึ่งมีการผลิตอินซูลินอย่างเต็มที่ ทำให้ตับอ่อนเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
และกลับมาสร้างอินซูลินได้ดังเดิม
กรดลอริก (lauric acid, C – 12, 48-53%)
ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของน้ำมันมะพร้าว
มีฤทธิ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อนในการสร้างอินซูลิน
นอกจากนั้นกรดไขมันขนาดกลางชนิดอื่นๆ ได้แก่กรดคาโปรอิก (capric acid, C –
10.7%) กรดคาปริลิก (caprylicacid, C – 8.8%) และกรดคาโปรอิก (caproic
acid, C – 6.05%) ในน้ำมันมะพร้าวต่างก็ช่วยกันเร่งกระบวนการเมตาบอลิสซึม
ส่งผลให้เพิ่มการสร้างอินซูลิน และการนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ (Fife 2005)
- เพิ่มการตอบสนองต่ออินซูลิน
ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน
น้ำมันมะพร้าวจะช่วยอาการนี้ได้ โดยการทำให้เซลล์เปิด”ประตู”
ให้รับน้ำตาลเข้าไปในเซลล์ได้มากขึ้น
ทำให้ไม่จำเป็นที่ตับอ่อนจะต้องสร้างอินซูลินมากเกินความจำเป็น
สรุปก็คือ น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวาน
กลับมาสร้างอินซูลิน และปรับเปลี่ยนให้เซลล์ตอบสนองอินซูลิน
ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงแก้โรคเบาหวานทั้งสองชนิดได้
ผู้ป่วยที่มือเท้าสูญเสียความรู้สึก
กลับมามีความรู้สึกได้เมื่อเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหารเพียงไม่กี่สัปดาห์
- ช่วยปรับระดับของน้ำตาลในกระแสเลือด
มีการศึกษาพบว่า
น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ (Garfinkel, et al.
1992; Han et al. 2003)
ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่บริโภคน้ำมันมะพร้าวจะอิ่มนานขึ้น (หรือหิวช้าลง)
จึงเปิดโอกาสให้น้ำตาลกระจายออกไปในกระแสเลือดอย่างช้าๆ
เป็นการปรับระดับของน้ำตาลในเลือดได้โดยอัตโนมัติ
อีกเหตุผลหนึ่งเกิดจากการที่น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มการสร้างอินซูลิน
และการตอบสนองของเซลล์ต่ออินซูลิน มีรายงานว่า
ผู้ป่วยที่เติมน้ำมันมะพร้าวลงไปในอาหาร
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงทั้งที่บริโภคอาหารที่มีน้ำตาลเข้าไป
ตามปกติ หลังจากรับประทานอาหาร ผู้ป่วยจะมีน้ำตาลในเลือดมาก
ปริมาณน้ำตาลที่สูงนี้ สร้างปัญหาต่อสุขภาพ และอาจทำให้เสียชีวิตได้
ผู้ป่วยจึงต้องตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ หากมีน้ำตาลในเลือดสูง
จำต้องฉีดอินซูลินเพื่อลดน้ำตาล
การบริโภคน้ำมันมะพร้าวจะช่วยลดการนำน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือด
จึงช่วยปรับระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้
ผู้ป่วยบางคนสามารถควบคุมและลดปริมาณน้ำตาลในเลือดโดยการเติมน้ำมันมะพร้าว
ในอาหาร (Fife 2006) การบริโภคน้ำมันมะพร้าว 2 – 3 ช้อนโต๊ะ
จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ภายใน 30 นาที
ในกรณีที่เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน
ทำให้น้ำตาลเข้าไปในเซลล์ไม่ได้ เซลล์จะส่งสัญญาณว่ามันกำลังขาดอาหาร
เมื่อได้รับสัญญาณนี้
ตับอ่อนจึงพยายามเพิ่มการผลิตและส่งอินซูลินให้มากขึ้น
ทำให้มีระดับอินซูลินในเลือดมากขึ้น การที่มีทั้งอินซูลิน
และน้ำตาลในกระแสเลือดมากขึ้น ทำให้เกิดอาการที่เคยเรียกว่า Syndrome X
แต่ปัจจุบัน เรียกว่า Metabolic Syndrome และปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกมาก
รวมทั้งความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แต่เมื่อน้ำมันมะพร้าวเข้าไปในเซลล์ได้
สัญญาณที่ส่งไปที่ตับอ่อนจะปิดลง ทำให้อินซูลินกลับสู่สภาวะปกติ
อันนำไปสู่การลดภาวะเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดจากโรคเบาหวาน
และปัญหาการมีน้ำตาลในเลือดสูง
Metabolic Syndrome เป็นกลุ่มอาการผิดปกติ
ที่เพิ่มความเสี่ยงจากการที่เป็นโรคอ้วน และขาดการออกกำลังกาย
ตลอดจนการไม่ตอบสนองต่ออินซูลินของเซลล์
ซึ่งส่งผลทำให้เกิดน้ำตาลไปคั่งในกระแสเลือด
จึงไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคเบาหวาน
- ช่วยใช้น้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยสร้างความทนทานต่อการมีน้ำตาลสูง
มีรายงานว่า
น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินและปรับปรุงการเกาะ
ติด (binding affinity) ของอินซูลินกับเซลล์ดีกว่าน้ำมันอื่นๆ (Ginsberg,
1982 และ Yost and Eckel, 1989)
จึงทำให้เซลล์ใช้ประโยชน์ของน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ (Garfinkel, et al.
1992) MCFAs ในน้ำมันมะพร้าวเป็นตัวการสำคัญในการทำหน้าที่ดังกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังพบอีกว่า
น้ำมันมะพร้าวยังช่วยสร้างความทนทานต่อการมีน้ำตาลสูง (glucose tolerance)
- ช่วยลดค่า Glycemic Index ของอาหาร
อาหารที่เรารับประทานเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส
ทำให้เลือดมีระดับน้ำตาลสูงขึ้น
อาหารบางอย่างสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าอาหารอื่นๆ ค่า Glycemic
Index (GI) เป็นตัววัดผลของอาหารแต่ละอย่างต่อการเกิดน้ำตาลในเลือด
ของหวานและอาหารพวกแป้ง เช่น ขนมปังและน้ำตาล มีค่า GI สูง
จึงยกระดับน้ำตาลในเลือดได้สูง ผลไม้ที่หวานมากๆ เช่น กล้วย ลำไย ลิ้นจี่
ก็มีค่า GI สูงเช่นกัน ผู้ป่วยจำเป็นต้องจำกัดอาหารที่มีค่า GI สูงๆ
ที่จะบริโภค แต่น้ำมันมะพร้าวไม่มีผลต่อค่าน้ำตาลในเลือด และมีค่า GI
ต่ำมาก ยิ่งไปกว่านั้น
เมื่อเติมน้ำมันมะพร้าวลงในอาหารประเภทลูกกวาดและอาหารแป้ง
มันสามารถทำให้ค่า GI ของอาหารเหล่านั้นต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น
การเติมน้ำมันมะพร้าวลงในอาหารที่คุณรับประทาน จะช่วยให้ค่า GI
ของอาหารจานโปรดของคุณต่ำลงได้
และช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือดได้ดี
ทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวแก้ปัญหาได้โดยปรับการทำงานในระดับของเซลล์
ที่มา:
หนังสือ "น้ำมันมะพร้าวป้องกันโรคเบาหวานได้อย่างไร" โดย ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา หน้า 16 - 18